พม่าหลอกพม่าลอบนำพาเข้าไทย อ้างส่งไปทำงานเสียค่าหัวรายละ 15,000

พม่าหลอกพม่าลอบนำพาเข้าไทย อ้างส่งไปทำงานเสียค่าหัวรายละ 15,000

พม่าหลอกพม่าลอบนำพาเข้าไทย อ้างส่งไปทำงานเสียค่าหัวรายละ 15,000

กาญจนบุรี- พม่าหลอกพม่าลอบนำพาเข้าไทย อ้างส่งไปทำงาน จ่ายค่าหัวรายละ 15,000 บาท สุดท้ายไม่รอด โดนหน่วย ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ รวบกลางป่า

เมื่อเวลา 01.20 น.วันนี้ (17 มี.ค.) พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ (ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์) พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ (รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์) ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า พบกลุ่มบุคคลคาดว่าน่าจะเป็นแรงงานชาวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลบซ่อนตัวบริเวณป่าท้องที่บ้านซองกาเรีย หมู่ 8 ต.งหนองลู อ.สังขละบุรี เพื่อรอการเคลื่อนย้ายไปทำงานบริเวณพื้นที่จังหวัดชั้นใน แต่ไม่ทราบพิกัดที่แน่ชัด

พม่าหลอกพม่าลอบนำพาเข้าไทย อ้างส่งไปทำงานเสียค่าหัวรายละ 15,000

ดังนั้น จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารหมวดลาดตระเวนที่ 3 จัดชุดลาดตระเวน สนธิกำลังร่วมกับชุดปฏิบัติการข่าวกองกำลังสุรสีห์ ทำการลาดตระเวนเพื่อออกค้นหากลุ่มแรงงานชาวพม่าไปตามเส้นทางที่ได้รับแจ้ง เริ่มจากบริเวณสามแยกซองกาเรีย-บ.ซองกาเรีย หมู่ 8 ต.หนองลู จนกระทั่งไปถึงบริเวณสวนมันสำปะหลังที่อยู่ข้างซอยโรงเรียนลาซาล

พบว่ามีแรงงานต่างด้าวชาวพม่า มีทั้งชายและหญิง รวมทั้งเด็กนั่งหลบซ่อนตัวอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม จากการตรวจสอบกลุ่มแรงงานพบว่า มีจำนวนทั้งหมด 16 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 6 คน เด็กหญิง อายุ 13 ปี 1 คน และเด็กชาย อายุ 9 ขวบ 1 คน และบริเวณใกล้เคียงกันพบว่ามีวัยรุ่นนั่งเฝ้าอยู่ปากซอยลาซาล อีก 1 คน จึงได้ทำการเค้นถาม พบว่าเป็นคนดูต้นทางเพื่อแจ้งให้รถมารับ

โดยหลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมตัวแรงงานทั้งหมดเอาไว้ได้ จึงทำการตรวจวัดอาการไข้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พบทั้งหมดมีอุณหภูมิไม่เกิน 37.5 องศา แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงนำตัวทั้งหมดไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ รพ.สังขละบุรี ก่อนที่จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้จากการซักถามผู้ต้องหาได้ให้การว่า ตนและพวกติดต่อนายหน้าไม่รู้ชื่อ อาศัยอยู่ฝั่งประเทศเมียนมาผ่านทางโทรศัพท์มือถือ จากนั้นได้มารวมตัวกันที่กิ่งอำเภอพญาตองซูตั้งแต่วันที่15 มี.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาเวลาประมาณ 12.00 น.ของวันที่ 16 มี.ค. มีกลุ่มนายหน้าชาวเมียนมา จำนวน 3 คน มาพบแล้วนำพาพวกตนเดินลัดเลาะไปตามชายป่าเพื่อข้ามมายังฝั่งไทย

โดยการใช้เส้นทางธรรมชาติ เส้นทางรถไฟสายเก่าข้างวัดพิมละม่อม จากนั้นใช้เส้นทางตามหุบเขาแล้วเดินเท้าข้ามลำห้วยซองกาเรีย จนกระทั่งเวลา 19.00 น.ก็มาถึงจุดที่หลบซ่อนตัว จากนั้นนายหน้าผู้นำพาได้เดินทางกลับพร้อมกับแจ้งว่า จะมีคนนำรถยนต์มารับเพื่อไปทำงาน ตามพื้นที่จังหวัดต่างๆของประเทศไทยแต่พวกตนไม่ทราบว่าจะไปทำงานอะไรและที่จังหวัดไหนเมื่อไปถึงจุดหมายจะต้องจ่ายเงินค่านายหน้าให้กับผู้นำพาคนละ 15,000 บาท แต่มีแรงงาน จำนวน 2 คน ได้จ่ายเงินค่าหัวให้กับนายหน้าชาวเมียนมาไปแล้ว แต่สุดท้ายก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน

จากการสอบถามนายโชคชัย (ไม่มีนามสกุล)ชาวมอญ สัญชาติเมียนมา อายุ18 ปี เป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน อาศัยอยู่หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี และเป็นคนเฝ้าต้นทาง ให้การว่า ก่อนหน้านี้นายบู เพื่อนที่เป็นชาวเมียนมาด้วยกัน แจ้งว่าจะมีรถยนต์มารับของแห้งที่บริเวณดังกล่าว และขอให้ตนมาเป็นคนเฝ้าต้นทางให้ พร้อมทั้งบอกว่าหากพบทหารผ่านมาก็ขอให้รีบโทรศัพท์ไปแจ้งให้ทราบ โดยที่ตนไม่รู้มาก่อนว่านายบู เพื่อของตนจะให้ตนมาเฝ้าต้นทางให้กับกลุ่มแรงงานที่หลบหนีเข้ามา

โดยช่วงเวลาประมาณ23.00 น.ของวันที่16 มี.ค. นายบู ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาส่งตนที่ปากซอยโรงเรียนลาซานระหว่างนั่งเฝ้าต้นทางอยู่นั้นตนพบเจ้าหน้าที่ทหารผ่านมา จึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งให้นายบู ทราบ ตามที่ได้สั่งเอาไว้ แต่ปรากฏว่านายบู ไม่รับสายโทรศัพท์ เมื่อโทรหาอีกครั้งปรากฏว่านายบู ปิดเครื่องและไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย” นายโชคชัย กล่าว

ที่มา : https://mgronline.com/